เลขาธิการ สพฉ. เข้าพบ รมช.มหาดไทย เร่งรัดการผลักดันแผนการจัดตั้งศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินอปท.ขนาดใหญ่
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2563 เรืออากาศเอกนายแพทย์ อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) พร้อมคณะ เข้าพบนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (รมช.มท.) เพื่อหารือและให้เร่งรัดการผลักดันแผนงานการจัดตั้งศูนย์สั่งการการแพทย์ฉุกเฉินในองค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ เพื่อรองรับและให้บริการประชาชนในท้องถิ่นเมื่อเจ็บป่วยฉุกเฉิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ให้สามารถเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
เรืออากาศเอกนายแพทย์ อัจฉริยะ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน องค์กรส่วนปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ อย่าง กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ต่างมีความพร้อมในการจัดตั้งเป็นศูนย์สั่งการการแพทย์ฉุกเฉินได้ โดยแผนงานดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะกรรมการกระจายอำนาจเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ซึ่งมีมติให้มีการจัดตั้งศูนย์สั่งการการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อรองรับและให้บริการประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งมีประโยชน์สำคัญคือการช่วยรักษาชีวิตคนจากเหตุฉุกเฉินต่างๆ ไว้ได้ สำหรับการมาหารือร่วมในวันนี้ เนื่องด้วยเมื่อครั้งที่ นายนิพนธ์ รมช.มท. เคยดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ได้มีการจัดตั้งศูนย์สั่งการการแพทย์ฉุกเฉิน ของอบจ.สงขลา ซึ่งเป็นศูนย์ฯที่มีความพร้อมในการช่วยเหลือชีวิตพี่น้องประชาชน ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อสังคมโดยรวม พร้อมทั้ง มีความเข้าใจในบทบาท หน้าที่ของท้องถิ่นเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ รมช.มท. ได้ประสานความร่วมมือไปยัง อบจ.ชลบุรี และ อบจ.ปัตตานี ให้เร่งดำเนินการในเรื่องนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งหลังจากนี้จะช่วยเร่งดำเนินการในของ อบจ.อื่นต่อไป
สำหรับ สพฉ. เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2552 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2551 โดยยกฐานะมาจากศูนย์นเรนทร และจัดตั้งเป็นสถาบันขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อลดจำนวนการตาย การทุกข์ทรมาน และการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าในการดูแลรักษาผู้ป่วย การลำเลียงเคลื่อนย้ายไม่ถูกวิธี รวมถึงการนำส่งสถานพยาบาลที่ไม่เหมาะสม โดยการจัดระบบรับแจ้งเหตุที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงง่าย มีการดำเนินงานที่อาศัยความรู้ความเข้าใจในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน การมีส่วนร่วมกันของคนในท้องถิ่น ภายใต้มาตรฐานทางการแพทย์ เพื่อให้การปฏิบัติการฉุกเฉินถูกวิธี ทันท่วงที สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินไม่ให้สูญเสียชีวิต และลดความพิการลงได้
กระทรวงสาธารณสุขมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการเกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉินให้เข้าถึงคนทุกกลุ่มในประเทศ จึงส่งเสริมสนับสนุนให้ อปท. เข้ามามีส่วนร่วมบริหารจัดการเพื่อพัฒนาเครือข่ายการดำเนินงานการแพทย์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพ ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินได้อย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพมาตรฐาน
จากข้อมูลของ สพฉ. ในปี 2562 มี อปท. ที่ขึ้นทะเบียนในระบบการแพทย์ฉุกเฉินจำนวน 5,805 แห่ง หรือร้อยละ 73.93 ของ อปท.ทั้งหมด 7,852 แห่ง แต่มีการปฏิบัติงานจริงเพียง 3,710 แห่งหรือร้อยละ 52.52 ของ อปท. ที่ขึ้นทะเบียน เนื่องจากช่วงแรกมีการมีปัญหาจากการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในปี 2560 คณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจฯ จึงมีมติเห็นชอบให้การแพทย์ฉุกเฉินเป็นอำนาจหน้าที่ของ อปท.โดยตรง
ปัจจุบัน อปท.ขนาดใหญ่ที่มีการบริหารการจัดการแพทย์ฉุกเฉินในระดับพื้นที่ที่เป็นรูปธรรมชัดเจนมีจำนวน 8 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา อุบลราชธานี มหาสารคาม ลำพูน สระแก้ว พัทลุง และชุมพร