ครม.อนุมัติปรับเพิ่มราคากลางในการจำหน่ายนมโรงเรียน เพิ่มขึ้นถุงหรือกล่องละ 0.31 บาท สำหรับอปท. สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา ส่งผลให้ภาระงบประมาณในปี 2566 เพิ่มขึ้นโดยรวมจำนวน 301,539,100 บาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการของการปรับเพิ่มราคากลางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน กรณีนมโรงเรียนชนิดพาสเจอร์ไรส์จากเดิมราคา 6.58 บาทต่อถุง เป็น 6.89 บาทต่อถุง และนมโรงเรียนชนิดยู เอช ที จากเดิมราคม 7.82 บาทต่อกล่องเป็น 8.13 บาทต่อกล่อง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ
การอนุมัติปรับเพิ่มราคากลางในการจําหน่าย ผลิตภัณฑ์นม โครงการอาหารเสริม นมโรงเรียนครั้งนี้ทำให้มีราคาเพิ่มขึ้นถุงหรือกล่องละ 0.31 บาท สำหรับ 4 หน่วยงาน อาทิองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา โดยมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติอนุมัติเป็นต้นไป ทำให้ในปี 2566 มีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นภาพรวม 301,539,100 บาท
สำหรับภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตรวจสอบผลการจัดหานมโรงเรียนตามจ่ายจริงโดยเปรียบเทียบงบประมาณที่ได้รับจัดสรรตามแผนและหรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2562 รวมถึงพิจารณานำเงินรายได้หรือเงินสะสมมาสมทบในส่วนที่เพิ่มขึ้นในโอกาสแรกก่อน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อไป เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นชองสำนักงบประมาณ การปรับเพิ่มราคาจําหน่ายนมโรงเรียนในครั้งนี้เนื่องจากมีจำนวนนักเรียนน้อยกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงขอตั้งงบประมาณปี 2566 ยกเว้นโรงเรียนในสังกัด กทม. และเมืองพัทยา ที่มีกรอบงบประมาณ ไม่เพียงพอ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้หน่วยงานภายใต้ปรับแผนปฏิบัติการหรือใช้งบประมาณของหน่วย งานมาดำเนินการก่อน หากยังไม่เพียงพอจึงให้เสนอของบกลางจากสำนักงบประมาณต่อไป
“การปรับเพิ่มราคากลางในการจําหน่ายนมโรงเรียนถุงหรือกล่องละ0.31 บาทในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากมติ ครม.ก่อนหน้านี้ (23 ส.ค. 2565) ปรับราคารับซื้อน้ำนมโคจากเกษตรกรเพิ่มขึ้น 1.5 บาท /กก. ตามต้นทุนการผลิตน้ำนมโคที่เพิ่มขึ้นจากค่าอาหารสัตว์ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก และวิกฤตพลังงานสืบเนื่องจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน ส่งผลให้ต้นทุน การผลิตนมโรงเรียนในส่วนของค่าน้ำนมโคเพิ่มขึ้น”นายอนุชา กล่าว
โดยการคํานวณราคากลางนมโรงเรียนใหม่ยังสอดคล้องกับแนวทางการอนุญาตปรับราคานมพาณิชย์ ของกรมการค้าภายในที่อนุญาตให้ปรับราคาเฉพาะต้นทุนน้ำนมดิบน้ำนมโค 1 กก. สามารถนําไปผลิตนมโรงเรียนได้ประมาณ 5 ถุง/กล่อง (ปริมาณ 200 กก. /ถุง/กล่อง ต้นทุนการผลิตนมโรงเรียนเพิ่มขึ้นประมาณ 0.31 บาท ถุง/กล่อง)
ทั้งนี้ มติคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนได้เห็นชอบการปรับเพิ่มราคากลางนมโรงเรียนดังกล่าวแล้ว และสำหรับภาคเรียนที่ 2/65 (เดือน พ.ย. 65 – มี.ค. 66) และภาคเรียนที่ 1/66 (เดือน พ.ค. 66 – ก.ย. 66)
นายอนุชา กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งว่า การปรับเพิ่มราคากลางจําหน่ายนมโรงเรียนดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดซื้อนมโรงเรียนในส่วนของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (เช่น ศูนย์เด็กเล็ก ) โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และโรงเรียนเอกชน ยังมีงบประมาณเพียงพอสําหรับบริหารจัดการ
นายอนุชา กล่าวว่า โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เป็นนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่ปี 2535เพื่อแก้ปัญหาขาดสารอาหารในเด็กวัยเรียนและสนับสนุน อุตสาหกรรมโคนมไทย โดยใช้น้ำนมดิบจากเกษตรกรในประเทศในการผลิต
ซึ่งปัจจุบันโครงการฯ ครอบคลุมนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษา และจัดสรรนมโรงเรียนให้นักเรียนเป็นเวลา 260 วัน ต่อปีการศึกษา และรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อนมโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งนายกรัฐมนตรียังสนับสนุนให้เด็กไทยได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาร่างกายเจริญเติบโตอย่างเต็มที่