พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีหนังสือตอบข้อหารือ ของสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย โดยเป็นข้อหารือลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กรณี บุคคลที่จะใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเคยถูกคุมขังหรือจำคุกโดยคำพิพากษาของศาล ต่อมาศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวออกมาใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกา
และคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครหรือรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (7) จะต้องเป็นผู้เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
กกต. ได้ให้ความเห็นว่า การพิจารณาคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งเบื้องต้น เป็นหน้าที่และอำนาจของผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ มาตรา 52
ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบเทศบาลเป็นใคร?
ในรูปแบบการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ผ่านมา กกต.กำหนดให้ ปลัด อบจ. ทำหน้าที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำ อปท. สำหรับในรูปแบบเทศบาล ภาระดังกล่าวจึงเป็นหน้าที่ของ “ปลัดเทศบาล” ไปโดยปริยาย
คำตอบของ กกต. ที่ระบุว่า “การพิจารณา… เป็นหน้าที่และอำนาจของผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำ อปท.” จึงเป็นเหมือน “คำตอบ” ที่ “ไม่มีคำตอบ” เพียงแต่ให้ย้อนกลับไปอ่านระเบียบการเลือกตั้งใหม่ และใช้ดุลยพินิจก็เท่านั้นเอง