จากกรณี น.ส.มนัสวี หรือชุมภูนุช หรือแอน สีมังมาศ เมื่อครั้งดำคงตำแหน่งพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หารเทา อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง มีพฤติการณ์เบียดบังเงินรายได้จากการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมของอบต. มาเป็นประโยชน์ส่วนตนในระหว่างปี 2550-2552 ครั้งละหลักร้อย หลักพัน รวมเป็นเงินเกือบ 1 แสนบาท
ล่าสุดนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษกอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 เปิดเผยว่า วันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฯคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามทุจริตภาค 9 ยื่นฟ้อง น.ส.มนัสวี หรือชุมภูนุช หรือแอน สีมังมาศ จำเลยคดีหมายเลขดำที่ อท 55/2562 คดีหมายเลขแดงที่ อท 14/2563 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาเงินภาษีและค่าธรรมเนียมฯ รายได้ของท้องถิ่นมาเป็นของตนโดยทุจริตรวม 82 ครั้ง เบียดบังทรัพย์รวม 93,163.26 บาท
พนักงานอัยการฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า น.ส.มนัสวี หรือชุมภูนุช หรือแอน สีมังมาศ จำเลย ขณะรับราชการ ตำแหน่งพนักงานส่วนตำบล อบต.หารเทา อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ 2 มีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนียม และรายได้อื่นๆ ออกใบเสร็จรับเงิน รวบรวมเอกสารส่งให้การเงินและนำเงินฝากธนาคาร
โดยจำเลยได้อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่จัดการ ควบคุม และดูแลรักษาเงิน ได้จัดเก็บและรับเงินภาษีบำรุงที่ดิน ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน และรายได้อื่นๆ จากผู้เสียภาษีซึ่งเป็นเงินรายได้ของอบต.หารเทา แล้วไม่นำเงินเข้าบัญชีเงินฝากหรือส่งมอบให้แก่อบต.หารเทา โดยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการหลายกรรมต่างกัน รวม 82 กรรม
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.63 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 (ศาลชั้นต้น) พิพากษา ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 410 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 205 ปี แต่เมื่อรวมโทษความผิดทุกกระทงแล้วคงให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ในส่วนนี้คือเงินที่จำเลยเบียดบังไปจำเลยได้นำส่งคืนให้แก่ทางราชการแล้วต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น อย่างไรก็ตามจำเลยยังมีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะขออนุญาตศาลฎีกายื่นฎีกาต่อไป