เมืองปทุมฯ ระอุ หลัง “ชาญ พวงเพ็ชร” ล้ม “บิ๊กแจ๊ส – พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ด้วยคะแนน 1,820 คะแนน คว้าเก้าอี้นายกฯ อบจ.ปทุม มาครองได้สำเร็จ
จากกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (นายก อบจ.) เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 โดยอ้างสาเหตุว่า “ในช่วง 6 เดือนก่อนครบวาระนายก อบจ.ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากกฎหมายห้ามไว้ จึงลาออกเพื่อลงเลือกตั้งใหม่ ซึ่งหากได้รับเลือกเข้ามาจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้เต็มที่”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีการจัดการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีผู้สมัครจำนวน 4 คน ได้แก่ เบอร์ 1 นายชาญ พวงเพ็ชร์ เบอร์ 2 นายอธิวัฒน์ สอนเนย เบอร์ 3 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง และเบอร์ 4 นายนพดล ลัดดาแย้ม สนามการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกประชาชนทั้งประเทศจับตามอง เพราะเป็นการแข่งขันระหว่างผู้ชิงตำแหน่งนายก อบจ. ในนามพรรคเพื่อไทย และกลุ่มการเมืองอิสระ
โดยมี 2 ตัวเต็งที่ถูกจับตามองว่าใครจะเป็นผู้ชิงเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานี กันแน่ นั่นคือ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครหมายเลข 1 ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครหมายเลข 3 ซึ่งจากการนับคะแนนในช่วงแรก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ คะแนนนำ นายชาญ ประมาณ 100 คะแนน แต่ในเวลาต่อมา คะแนนของนายชาญตีตื้นกลับมาจนพลิกขึ้นนำ พล.ต.ท.คำรณวิทย์
ทั้งนี้ ผลการนับคะแนน (อย่างไม่เป็นทางการ) นายชาญ อันดับหนึ่ง 203,032 คะแนน แบ่งเป็นคะแนนจากอำเภอลำลูกกา 36,369 คะแนน อำเภอคลองหลวง 50,068 คะแนน อำเภอธัญบุรี 29,762 คะแนน อำเภอเมืองปทุมธานี 35,990 คะแนน อำเภอลาดหลุมแก้ว 18,940 คะแนน อำเภอสามโคก 20,392 คะแนน อำเภอหนองเสือ 11,511 คะแนน และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ อันดับสอง 201,212 คะแนน แบ่งเป็นคะแนนจากอำเภอลำลูกกา 51,011 คะแนน อำเภอคลองหลวง 43,152 คะแนน อำเภอธัญบุรี 35,281 คะแนน อำเภอเมืองปทุมธานี 35,281 คะแนน อำเภอลาดหลุมแก้ว 13.098 คะแนน อำเภอสามโคก 5,918 คะแนน อำเภอหนองเสือ 13,100 คะแนน โดยผลคะแนนเฉือนชนะกัน 1,820 คะแนน
นายชาญ กล่าวเปิดใจว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานีที่ให้การสนับสนุนลุงชาญมาโดยตลอด และดีใจที่พี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานีไม่ทิ้ง ‘ลุงชาญ ใจดี’ และดีใจที่ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ในครั้งนี้ ส่วนนโยบายเราก็จะทำตามที่วางไว้ ผู้นำท้องถิ่นก็จะลงมาช่วยลุงชาญกันเป็นจำนวนมาก และอำเภอไหนมาแรงที่สุด ตนคิดว่าทุกอำเภอ และต้องขอบคุณพรรคเพื่อไทย และท่านทักษิณ ชินวัตร ที่ให้การสนับสนุนตนเป็นอย่างดี
ตนไม่มีอะไรจะฝากถึง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง การเมืองต้องมีแพ้มีชนะ ฝากขอโทษพี่เขาด้วย ส่วน 4 ปี จากนี้ไป พี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานีต้องเห็นการเปลี่ยนแปลง และการศึกษาของลูกหลานชาวจังหวัดปทุมธานี ต้องมาเป็นอันดับแรก
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยืนยันว่า ตนเคารพในระบอบประชาธิปไตย ทุกอย่างอยู่ที่เสียงของพี่น้องประชาชน เมื่อเสียงของพี่น้องประชาชนออกมาแบบนี้ ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ต่อไปก็อยู่ที่ กกต.จะรับรองอย่างไรก็ว่ากันไป ตนเองก็สบายใจที่มาถึงจุดนี้ อย่างที่เคยบอกไปหลายครั้งว่า ตนไม่เคยที่จะมาคิดที่จะมาเล่นการเมือง แต่เมื่อพี่น้องประชาชนขอให้มา ตนก็มาทำเต็มความสามารถ ช่วงระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน ที่อยู่ท่ามกลางโรคระบาด และวิกฤติ อะไรหลายอย่าง
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยังเปิดเผยอีกว่า หลังจากนี้คงไปรักษาคนไข้ตามที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ ได้มีเวลาดูแลคนไข้มากขึ้น เพราะระหว่างที่เป็นนายก อบจ.อยู่นั้น มีเวลาดูแลรักษาคนไข้เพียงแค่วันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ต่อไปนี้ คงมีเวลาเยอะขึ้น และกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ พาหลาน ๆ ไปตีกอล์ฟ ซึ่งตนไม่เครียด แต่เป็นห่วงบ้านเมืองเท่านั้นเอง ซึ่งเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้ ยังฝากให้ กกต.ช่วยสอบสวน กรณีที่มีบางหน่วยที่มีการสวมสิทธิ์ ส่วนตนคงจะไม่ร้องเรียนอะไร เพราะตนเป็นลูกผู้ชายพอ หากไปร้องเรียนหลังจากเลือกตั้ง เดี๋ยวจะมองว่า แพ้แล้วไปหาเรื่องร้อง ซึ่งไม่ใช่นิสัยตน และหลังจากนี้ตนจะลงพื้นที่ไปขอบคุณประชาชนที่มอบทุกคะแนนเสียงให้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมจริง พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับ นายชาญ พวงเพ็ชร์ จากพรรคเพื่อไทย ที่ชนะการเลือกตั้ง “ดีใจกับพี่เขาด้วย ดีใจกับพรรคเพื่อไทยด้วย แต่คงไม่ไปก้าวล่วง น้องก็คือน้อง พี่จะทำยังไงก็เรื่องของพี่เขา ผมก็เหมือนเดิม น้องก็คือน้อง สบายใจแบบนั้น” พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าว