ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งโยกย้ายนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พม.) ไปเป็น ปลัดกระทรวงมหาดไทย แทนนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน คำสั่งดังกล่าวจะมีผลวันที่ 1 ต.ค. 64
คนท้องถิ่นรู้จักคุ้นเคยกับชื่อ “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” เป็นอย่างดี เพราะเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเมื่อ ต.ค. 60 – ต.ค. 62 เกิดเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2507 เดิมเป็นคน อ.แหลมงอบ จ.ตราด มีชื่อเล่นว่า “เก่ง” จบชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนตราษตระการคุณ จบปริญญาตรี และปริญญาโทจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับปริญญาเอก 3 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาภาวะผู้นำเชิงยุทธศาสตร์ความเป็นเลิศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, ปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และปริญญาเอก รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการปกครอง มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
จุดเริ่มต้นของงานราชการเกิดขึ้นในปี 2531 รับราชการเป็นปลัดอำเภอ ที่ อ.วังเหนือ จ.น่าน ก่อนจะแต่งตั้งโยกย้ายหลายครั้ง จนได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดในปี 2553 นายสุทธิพงษ์ ทำหน้าที่พ่อเมืองมาแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ นครนายก สระบุรี และชัยนาท จากนั้นในปี 2558 ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย อีก 2 ปีถัดมาจึงย้ายมาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ปี 2562 เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังเหลืออายุราชการอีก 3 ปี
นอกจากด้านการทำงานที่รุ่งโรจน์แล้ว ชีวิตครอบครัวก็กลายเป็นที่สนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากในรายงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเปิดเผยรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายสุทธิพงษ์ ระบุว่า คู่สมรส “ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ” ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันกว่าหมื่นล้านบาท เคยติดอันดับ 1 ใน 50 มหาเศรษฐีไทยมาแล้ว
ทรัพย์สินของนายสุทธิพงษ์ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. มีทั้งสิ้น 15,724,125 บาท ได้แก่ เงินฝาก 194,745 บาท เงินลงทุน 2,088,830 บาท ที่ดิน 13,440,550 บาท ไม่มีหนี้สิน
ขณะที่ ดร.วันดี ซึ่งเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของบริษัทฯ มีทรัพย์สิน 10,209,774,199 บาท ไม่มีหนี้สิน ประกอบด้วย เงินสด 1 ล้านบาท เงินฝาก 7,423,410 บาท เงินลงทุน 9,164,610,873 บาท เงินให้กู้ยืม 538,921,611 บาท ที่ดิน 43,761,550 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 236,812,440 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 217,253,314 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินของทั้ง 2 คนมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
SPCG มีบริษัทในเครือทั้งสิ้น 42 บริษัท เป็นกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ ทุนทะเบียนทั้งหมดจำนวน 1,153,189,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ส่งขายพลังงานไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เอกชนขนาดใหญ่ และหน่วยงานของรัฐ โดยผลประกอบการปีล่าสุดมีกำไรสุทธิ 2,732 ล้านบาท