นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ เพื่อฟ้องนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในการสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ไปทำการตัดฟัน ทำลายต้นยางนา 2 ต้นบริเวณที่แยกกองทราย ซึ่งมีอายุกว่า 100 ปี บริเวณถนนต้นยาง หรือถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน
ทั้งนี้ต้นยางนาดังกล่าวปลูกมาตั้งแต่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของ จ.เชียงใหม่ จนกระทั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกประกาศให้ถนนสายดังกล่าวเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมแล้วตั้งแต่ปี 2558 และกำหนดมาตรการคุ้มครองการห้ามตัด ห้ามทำลายต้นยางนาโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษตาม มมตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยให้คณะกรรมการกํากับดูแล และติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของ จ.เชียงใหม่ซึ่งมี ผวจ.เชียงใหม่ เป็นผู้ควบคุม ดูแล
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นไม้ยางนา ถือว่าเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. เป็นไม้ต้องห้ามตาม มาตรา 6, 7 ประกอบ มาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 การตัดฟันหรือทำลายย่อมมีความผิดตาม มาตรา 73 ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 20 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ที่บัญญัติว่าผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับต้นยางประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่ สมาคมฯไม่อาจยอมรับได้ต้องสู้คดีกันให้ถึงที่สุด และจะนำความไปร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้เอาผิดต่อผู้สั่งการในเรื่องดังกล่าวต่อไปด้วย