กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจับมือ กรมกิจการผู้สูงอายุ- สปสช.-สสส.-ศวช. และสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ 13.3 ล้านคนในท้องถิ่นทั่วประเทศ ดันชุมชนท้องถิ่นจำนวน 55 แห่ง 575 เครือข่ายทั่วประเทศ ยกระดับเป็น ศูนย์เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 65 กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ร่วมกับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรมกิจการผู้สูงอายุ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และศูนย์วิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (ศวช.) ร่วมจัดกประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนผู้สูงอายุตำบลและลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น เพื่อบูรณาการการใช้ข้อมูลของพื้นที่สู่การแก้ปัญหาผู้สูงอายุท้องถิ่น ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า จากสถิติ 22 % ของผู้สูงอายุเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั่วประเทศ แสดงให้เห็นว่าไทยกำลังก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์จึงประสานความร่วมมือกับ สปสช. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมกิจการผู้สูงอายุ สสส. และศูนย์วิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนเพื่อขับเคลื่อนเตรียมพร้อมรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่น ร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ให้เข้มแข็ง และมีศักยภาพในการจัดระบบการบริการสาธารณะ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ถอดบทเรียนการทำงานของ สสส. รวมถึงแผนพัฒนาผู้สูงอายุแห่งชาติ และแผนปฏิบัติราชการประจำปี พบว่าการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายจึงกำหนดแนวทางการศึกษาระบบกลไกระดับพื้นที่ 3 ระดับ 1. ระดับตำบล โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่และมีทุนทางสังคม,มีศูนย์การเรียนรู้ ,หน่วยบริการสุขภาพ ,ศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ,ธนาคารเวลา และศูนย์ฝึกอบรมระบบต่างๆ 2.ระดับอำเภอ โดยคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ส่งเสริมและเชื่อมประสานหน่วยงาน ช่วยสนับสนุน อปท. และเครือข่ายระดับตำบลให้สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น และ 3.ระดับจังหวัด เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ท้องถิ่นจังหวัด เพื่อเตรียมพร้อมรองรับสังคมสูงวัยให้เป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพ
ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ข้อมูลจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าในปี 2564 ประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปี มีจำนวนสูงขึ้นถึง 13.3 ล้านคนหรือ 20% ของประชากรทั้งประเทศ พบปัญหาสำคัญ คือ ผู้สูงอายุ 95% มีโรคเรื้อรัง มีภาวะสมองเสื่อม ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวลำพังในครัวเรือนถึง 10.8% อยู่ลำพังกับคู่สมรส 23.3%
ในด้านเศรษฐกิจผู้สูงอายุ 34.3% มีฐานะยากจน 34% ยังคงทำงาน 18.5% ต้องการทำงานด้วยความสมัครใจ นอกจากนี้ในด้านสภาพแวดล้อม ผู้สูงอายุเสียชีวิตจากการพลัดตกหกล้มปีละ 900- 1,000 คน 10% เคยหกล้ม สะท้อนให้เห็นว่าจะต้องตระหนักถึงความสำคัญในการแก้ปัญหา และดูแลผู้สูงอายุอย่างจริงจัง
ความร่วมมือครั้งนี้แสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริม สนับสนุน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบ กลไก และนวัตกรรม นำนโยบายการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุสู่การสร้างปฏิบัติการในพื้นที่ สอดรับกับสถานการณ์ รองรับสังคมสูงวัยในปัจจุบัน โดย สสส. สนับสนุนองค์ความรู้ ส่งเสริม และสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพัฒนารูปแบบและระบบการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ อาทิ การพัฒนาศักยภาพชมรมผู้สูงอายุต้นแบบ ขยายผลและผลิตความรู้โรงเรียนผู้สูงอายุ ชุดข้อมูลกันลืม กันล้ม จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ เกิดพื้นที่ตัวอย่างด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ
โดยชุมชนท้องถิ่นจำนวน 55 แห่ง 575 เครือข่ายทั่วประเทศ จะถูกยกระดับเป็น “ศูนย์เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น” ตลอดจนร่วมกันถอดบทเรียน สรุปความรู้ที่ได้จากพื้นที่ทดลองตัวอย่าง เพื่อให้ได้ข้อมูลจากพื้นที่จริง พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ เชิงนโยบายเชิงปฏิบัติที่ เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน