ทต.ด่านเกวียน จัดแถลงข่าว “โครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชาวดิน ถิ่นงานปั้น หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน” ประจำปี 2567 ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ชั้น 1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซา โคราช เทศบาลตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา นำโดย นายชรินทร์ เปลี่ยนกระโทก นายกเทศมนตรีตำบลด่านเกวียน แถลงข่าว “โครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชาวดินถิ่นงานปั้น หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา ประจำปี 2567” ร่วมกับ นายอภิชา เลิศพชรกมล สมาชิกสภาราษฎร นครราชสีมา เขต 10 นายธนากร ประพฤทธิพงษ์ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการ กลุ่มองค์กรภาคีเครือข่าย และประชาชนทั่วไป ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าร่วมแถลงข่าวงานดังกล่าว
นายชรินทร์ เปลี่ยนกระโทก นายกเทศมนตรีตำบลด่านเกวียน กล่าวว่า “โครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชาวดิน ถิ่นงานปั้น หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา ประจำปี 2567” มีจุดประสงค์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์สินค้าและผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย สร้างโอกาสและรายได้ให้กับชุมชนชาวด่านเกวียน มีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 10 – 14 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ลานกิจกรรมหน้าเทศบาลตำบลด่านเกวียน ภายในงานมีกิจกรรมแข่งขันการปั้นเครื่องปั้นดินเผาในรูปแบบต่าง ๆ รวมไปถึงการแสดงจากนักเรียนและเยาวชนในชุมชน
ชรินทร์ กล่าวอีกว่า เดิมพื้นที่ตำบลด่านเกวียน ถือเป็นเมืองหน้าด่านเรียกว่า “ด่านกระโทก” เป็นเส้นทางการค้าทางบกระหว่าง โคราชกับเขมร (กัมพูชา) สมัยก่อนมีพ่อค้าเกวียนมาหยุดพักกองคาราวาน จึงถูกเรียกชื่อใหม่ว่า “ด่านเกวียน” ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมูล ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์และเป็นถิ่นอาศัยของชาวข่า คนเชื้อสายมอญ จึงเกิดการถ่ายทอดกรรมวิธีการทำเครื่องปั้นดินเผา ชาวบ้านมักจะใช้เวลาว่างผลิตเครื่องปั้นดินเผาชนิดต่าง ๆ ไว้ใช้ในครัวเรือน อาทิ โอ่ง กระถาง ไห ครก รอฝนยา ฯลฯ รวมทั้งนำบางส่วนที่ผลิตได้ขนขึ้นเกวียนไปค้าขายหรือแลกเปลี่ยนสินค้ากับประเทศกัมพูชา
ทั้งนี้ เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ได้ยกระดับพัฒนาผลิตภัณฑ์สมัยใหม่และรับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เนื่องจากมีความโดดเด่นด้วยตัวสินค้าที่มีความแข็งแกร่งทนทานและสวยงามด้านเอกลักษณ์และรูปแบบงานปั้นที่มีความหลากหลายกำลังเป็นสินค้าที่นิยมของตลาดทั้งในและต่างประเทศ คาดเงินสะพัดในท้องถิ่นร่วม 5 ล้านบาท