“วราวุธ” รมว.พม. นั่งหัวโต๊ะ อนุฯ ขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐ เคาะเบี้ยเด็กแรกเกิดถ้วนหน้า 600 บาท ขยายรับเลี้ยงดูเด็ก 3 เดือน – 3 ปี เบี้ยผู้สูงอายุ – ความพิการ 1,000 บาท จ่อชง คกก.ชุดใหญ่พิจารณา
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กรุงเทพฯ เปิดประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐ ครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐ และ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธาน โดยมีตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ), เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) เข้าร่วมประชุมด้วย
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม. ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐ เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้มีการเห็นชอบในวาระสำคัญหลายประเด็น โดยมีประเด็นที่สำคัญ 4 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่หนึ่ง คือ เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปีที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน ซึ่งตอนแรกการให้เงิน สนับสนุน 600 บาทต่อคนต่อเดือนนั้น จะเป็นไปตามเส้นความยากจน ซึ่งมีประมาณ 4 ล้านกว่าคน ในขณะนี้ได้รับเงินอุดหนุนอยู่ประมาณ 2 ล้านกว่าคน แต่จากการประชุมในวันนี้ ได้เปลี่ยนวิธีการให้เงินสนับสนุนเป็นแบบถ้วนหน้าเพื่อที่ว่าเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปี ทุกคนในประเทศไทยจะได้รับเงินอุดหนุนจำนวนนี้
นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่สอง ได้มีการขอให้ปรับศูนย์เลี้ยงดูเด็กและส่งเสริมการพัฒนาเด็ก ให้มีการเลี้ยงดูซึ่งในตอนแรกเป็นเด็กตั้งแต่ 6 เดือน จนถึง 3 ปี ซึ่งตนได้ขอให้ปรับเป็น 3 เดือน จนถึง 3 ปี เพราะจะได้สอดคล้องกับกฎหมายแรงงานที่อนุญาตให้ผู้เป็นแม่สามารถลาคลอดได้ 98 วัน หรือประมาณ 3 เดือนกว่า ๆ ก็โดยจะขอให้ศูนย์เลี้ยงดูเด็กได้ตั้งแต่ 3 เดือน จนถึง 3 ปี ประเด็นต่อมาเกี่ยวกับเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ จากที่ก่อนหน้านี้ มีการจ่ายแบบขั้นบันได คือ 600 700 800 และ 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะขอเป็นแบบถ้วนหน้า และจะปรับเป็น 1,000 บาททุกคน ดังนั้น พี่น้องผู้สูงอายุจากเดิมที่ได้แบบขั้นบันไดและไม่ถ้วนหน้า แต่จากนี้ไปจะได้เป็นเดือนละ 1,000 บาทแบบถ้วนหน้า ทั้งนี้ เป็นการเห็นชอบของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งจะต้องนำเสนอเข้าคณะกรรมการใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า และในประเด็นสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องเบี้ยความพิการ จาก 800 บาทต่อคนต่อเดือน เราปรับเป็น 1,000 บาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ช่วยคนพิการ จากที่เมื่อก่อนได้รับค่าตอบแทนชั่วโมงละ 50 บาท ตอนแรกคณะทำงานเสนอปรับจาก 50 บาท เป็น 80 บาทต่อชั่วโมง ซึ่งทางตนเองและที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่าควรจะปรับขึ้นเป็น 100 บาทต่อชั่วโมง รวมถึงการจัดหาการบริการกายอุปกรณ์ให้กับคนพิการทุก ๆ คน ดังนั้น 4 ประเด็นนี้ เป็นข้อสรุปที่ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้เห็นชอบเกี่ยวกับการดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน สตรี คนพิการ และผู้สูงอายุ แต่อย่างที่เรียนว่า เป็นการเห็นชอบของคณะอนุกรรมการฯ ที่ทางคณะทำงานนำเสนอมา ซึ่งขั้นตอนต่อไปคณะอนุกรรมการฯ จะต้องนำเสนอข้อเสนอทั้งหมดที่เห็นชอบเข้าคณะกรรมการใหญ่ แล้วจะมีการดำเนินการต่อไปเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณและนโยบายต่าง ๆ