เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เสียหายนำคลิปเสียงและหลักฐานเข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม และสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.บุรีรัมย์ ว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงินรายละ 600,000-650,000 บาท โดยอ้างว่าสามารถช่วยให้สอบบรรจุเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นได้ หลังจากคณะกรรมการกลางสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) มีการจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น ปี 2562 ซึ่งหากสอบไม่ผ่านจะคืนเงินให้ทั้งหมด ภายหลังมีการประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านแต่ไม่มีรายชื่อเป็นผู้สอบได้ เมื่อติดต่อขอรับเงินคืนกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนเงิน เบื้องต้นได้นำหลักฐานเป็นคลิปเสียงการสนทนาเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์
ผู้เสียหายยืนยันว่ามีผู้ถูกหลอกเรียกรับเงินอีกหลายราย แต่ไม่มีใครกล้าร้องเรียนเพราะกลัวจะไม่ได้เงินคืน ทั้งนี้เชื่อว่าผู้กระทำผิดทำกันเป็นขบวนการ จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอาผิดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว
ล่าสุดนางสาวสุรีรัตน์ นวลฉิมพลี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. จ.บุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบหลักฐานและสอบปากคำผู้ร้องพบว่า การสอบที่มีการกล่าวอ้างถึง เป็นการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น ปี 2562 ซึ่งเป็นการสอบจากส่วนกลาง แต่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐแอบอ้างเรียกรับเงินกันเอง และไม่สามารถช่วยให้สอบผ่านได้จริง กรณีนี้ไม่เข้าข่ายการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการสอบบรรจุเข้ารับราชการ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้มีอำนาจหน้าที่หรือเกี่ยวข้องกับการสอบบรรจุโดยตรง
คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติให้ส่งเรื่องไปยังพนักงานสอบสวน ในพื้นที่เกิดเหตุ เพราะพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายฯ อาญา และหลังจากนี้ ป.ป.ช.จะตรวจสอบอีกครั้งภายหลังพนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนแล้วเสร็จ เพื่อ ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าการดำเนินการดังกล่าวมีความชอบธรรมต่อผู้ร้องและผู้ถูกร้องหรือไม่ และหากผู้ร้องเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการส่งเรื่องให้หน่วยงานอื่นดำเนินการ หรือมีการช่วยเหลือผู้ถูกร้อง ทั้งที่มีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถแจ้งกลับมาที่ ป.ป.ช. เพื่อให้ขอสำนวนมาดำเนินการเอง เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย