close

หน้าแรก

menu
search

จับทุจริตคึกโครม อบจ.อุดหนุนมูลนิธิ

schedule
share

แชร์

          ปฏิบัติการ “จันทบูร” ขนตำรวจกว่า 100 นาย ค้น 9 จุด รวมบ้าน นายก อบจ.จันทบุรี และพระครูปลัดฯ วัดสุทธิวารี แจ้งข้อหาผิดตาม ม.157 -ม.151 โยงจัดงบ อบจ.อุดหนุนมูลนิธิพุทธมณฑล 30 ล้าน ใช้จริง 12.7 ลบ. ส่วนต่างไม่คืน-เอกสารชี้แจงไม่มี

 

          เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. (กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ) นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. บูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ หน่วยงานอื่นๆในสังกัด บช.ก. และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กว่า 100 นาย

 

 

          เปิดปฏิบัติการ “จันทบูร” นำหมายค้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 9 จุด ในพื้นที่ จ.จันทบุรี เพื่อเชิญตัวผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตงบสนับสนุนมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี มาทำการแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 157 และ 151

 

          สำหรับความผิดตามมาตรา 157 คือ ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต และมาตรา 151  ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ

 

 

          ปฏิบัติการตรวจค้นครั้งนี้ เป้าหมายสำคัญที่เข้าตรวจค้นครั้งนี้คือ บ้านพักของนายกฯ อบจ.จันทบุรี เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงจึงแสดงหมายค้นเข้าตรวจสอบ และเชิญมาแจ้งข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองจันทบุรี นอกจากนี้ยังเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง มาแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 4 คน  ประกอบด้วย 1.นายธนภณ กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี 2. นายภูวนาถ บำรุงพันธุ์ อดีต ผอ.กองแผน 3.พระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ หรือ พระครูปลัดณัฐดนัย เจ้าอาวาสวัดสุทธิวารี เจ้าคณะอำเภอสอยดาว และ กรรมการมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี 4.นายเกศสยาม ร่วมดี หจก.สยามช่างบูรพา พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินมีค่าเอกสารต่างๆ ได้อีกจำนวนมาก

 

          ต่อมานายธนภณ กิจกาญจน์ นายกอบจ.จันทบุรีได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความ เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบส่วนจาก ปปป. ราว 2 ชั่วโมง พร้อมกับรับทราบข้อกล่าวหา โดยมีทีมผู้บริหารอบจ., สจ., ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนที่ทราบข่าวเดินทางมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก

 

 

          นายธนภณ กิจกาญจน์ นายกอบจ.จันทบุรี เปิดเผยหลังเข้าให้ปากคำว่า ตำรวจกองบังคับการ ปปป. แจ้งข้อกล่าวหาว่า ตนทุจริตต่อหน้าที่ กรณี อบจ. จัดงบอุดหนุนให้กับมูลนิธิพุทธมณฑล จ.จันทบุรี ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลปกครองระยอง เพราะ อบจ.เป็นโจทย์ฟ้องมูลนิธิฯ เนื่องจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบหลักฐานบัญชีต่างๆ แล้วทำเรื่องเสนอให้ อบจ.เรียกคืนเงินอุดหนุนดังกล่าว เพราะมูลนิธิฯ ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงได้ ตนจึงต้องดำเนินการตามระเบียบ สำหรับเงินอุดหนุนที่ให้กับมูลนิธิฯ เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนฯ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 5 ประเภท ได้แก่ วัด มัสยิด สมาคมที่เป็นนิติบุคคล มูลนิธิ และกาชาดไทย โดย อบจ.จันทบุรี ได้จัดงบอุดหนุนทุกหน่วยงาน ทั้งตำรวจ มัสยิด การศึกษา สาธารณสุข ตรงนี้เป็นเรื่องของระเบียบการอุดหนุน ตามการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

 

          “วันนี้ไม่มีอะไร ขอขอบคุณท่านผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ที่ได้ให้ความเป็นธรรม และอำนวยความสะดวก ขอบคุณท่านผู้บังคับการ ปปป.  ทุกคนก็ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ผมเองก็ต้องหาหลักฐาน เพื่อไปแก้ข้อกล่าวหา เป็นไปตามระเบียบของประมวลกฎหมาย” นายธนภณ กล่าวต่ออีกว่า

 

          “ผมอยู่มา 31 ปี ของการเมืองท้องถิ่น ผมยืนยันว่าผมไม่เคยทุจริต เพียงแต่ว่ามุมมองของคนอื่นก็ดี คู่ต่อสู้ผมก็ดี หรือผมไม่ได้ไปช่วยเขาก็ดี มันอาจจะมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวล ถ้าผมผิด ผมออก ไม่ใช่ว่าออกเพราะว่าตัวเองผิด ผมเรียนตรงๆว่าผมสุจริต บ้านผมก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร บ้านผมก็ไม่ได้ใหญ่โต บ้านผมติดถนน มีรั้วก็ป้องกันขโมย ที่ดินก็ของพ่อ มีเงินเดือน 75,000 บาท ไม่เคยซื้อเสียง คนที่จะมาทำงานด้วยต้องสุจริต และทุ่มเททำงานเพื่อพัฒนาจังหวัด นี่เป็นเรื่องการเมือง เป็นเรื่องปกติ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไร”

 

 

          จุดที่สอง เข้าตรวจค้นกุฏิสงฆ์ของ พระครูปลัดณัฐดนัยตั้งอยู่ภายในวัดสุทธิวารี พื้นที่ ม.10 ถ.พระยาตรัง, ต.ท่าช้างอ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี เมื่อไปถึงพบ พระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ อยู่ภายในกุฏิดังกล่าว จึงแสดงหมายเข้าตรวจค้นพร้อมอธิบายข้อกฎหมายให้เข้าใจ จากนั้นจึงนิมนต์มารับทราบข้อกล่าวหา

 

          ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2564 ที่ผ่านมา ทางกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้รับเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการทุจริตเงินงบสนับสนุนมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี ที่ได้รับจากทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี (อบจ.จันทบุรี)  ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมูลนิธิฯเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสพร้อมสอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ จนพบความผิดปกติเงินงบประมาณสนับสนุนประจำปี 2554-2555 ในส่วนของการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานมูลนิธิฯ

 

          เนื่องจากตรวจสอบเอกสารรายงานงบประมาณจัดจ้างและเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องต่างๆ พบตัวเลขเงินที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารดังกล่าวไม่ตรงกับจำนวนเงินงบประมาณที่เบิกจ่าย จึงแกะรอยสืบหาเบาะแสและพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อนพบความเชื่อมโยงของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระทำผิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการระดับสูง รวมถึงพระชั้นผู้ใหญ่ ที่มีตำแหน่งอยู่ในมูลนิธิฯ 

 

          โดย นายธนภณ ในฐานะนายก.อบจ.จันทบุรี ได้อนุมัติเงินงบประมาณอุดหนุนของ ปีงบประมาณ 2554 และปีงบประมาณ 2555 รวมจํานวน 30 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี เมื่อได้รับเงินอุดหนุนจํานวนดังกล่าวแล้ว มูลนิธิฯ ได้ว่าจ้าง หจก. สยามช่างบูรพา ก่อสร้างอาคารสํานักงานมูลนิธิฯ เพียง 12.7 ล้านบาทเศษ คงเหลือเงินอีกจํานวน 17.26 ล้านบาทเศษ  

 

          เงินในจำนวนนี้ทางมูลนิธิฯ ต้องส่งคืนให้กับอบจ.จันทบุรี แต่นายธนภณ ในอีกบทบาทหนึ่งดํารงตําแหน่งเป็นกรรมการและเลขานุการของ มูลนิธิฯ มีหน้าที่ควบคุมกิจการของมูลนิธิฯ ตลอดจนรายงานกิจการของมูลนิธิฯ ตามกฎหมาย และทราบข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างดี แต่ไม่ยอมส่งคืนเงินที่เหลือดังกล่าวกลับคืนให้กับ อบจ.จันทบุรี

 

 

          พร้อมกันนั้นได้ให้นายภูวนาถ อดีตผอ.กองแผน และ งบประมาณ อบจ.จันทบุรี และเจ้าหน้าที่ของ อบจ.จันทบุรี มาจัดทําเอกสารให้กับมูลนิธิฯ ด้วยการทําสัญญาจ้างก่อสร้าง ค่าจ้าง 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นการทำเอกสารเท็จขึ้นมา โดยมีพระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ ที่มีตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้ช่วยเหรัญญิกมูลนิธิ กับ นายเกศสยาม ร่วมกระทำผิดด้วย

 

          จากนั้นจึงนำสัญญาเท็จที่ทำขึ้นมาฉบับดังกล่าวไปแนบประกอบรายงานผลการดําเนินการให้อบจ.จันทบุรี เพื่ออำพรางปกปิดการทุจริต นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่าที่ผ่านมามูลนิธิดังกล่าวยังไม่เคยรายงานข้อมูลการดําเนินงานข้อมูลเกี่ยวกับการประชุมใหญ่สามัญประจําปีอีกด้วย

 

          จากการตรวจสอบเงินงบประมาณที่มูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี ได้รับจากทาง อบจ.จันทบุรี เฉพาะเพียงจากวันที่ก่อตั้งเมื่อปี 2552 ถึงปี 2556 ช่วงระยะเวลาประมาณ 5 ปี พบได้รับเงินสนับสนุนทั้งหมดจำนวน 106 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับเงินงบประมาณตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาความเชื่อมโยงว่ามีการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอีกหรือไม่

 

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

แจ้งข่าวดี! กรมการท่องเที่ยวจัดคอร์สเสริมพลังท้องถิ่น ด้านการท่องเที่ยวภาครัฐ

แจ้งข่าวดี! กรมการท่องเที่ยวจัดคอร์สเสริมพลังท้องถิ่น ด้านการท่องเที่ยวภาครัฐ

กรมการท่องเที่ยวจัดอบรมออนไลน์ ฟรี! เรื่อง “การเสริมพลั…

schedule
แซงทางโค้ง! ลุงชาญปาดบิ๊กแจ๊ส นั่งเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมฯ

แซงทางโค้ง! ลุงชาญปาดบิ๊กแจ๊ส นั่งเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมฯ

เมืองปทุมฯ ระอุ หลัง “ชาญ พวงเพ็ชร” ล้ม “บิ๊กแจ๊ส – พล.…

schedule
ทม.บึงยี่โถจัดใหญ่ “ลุงป้า ปู่ย่า หลานม่า The Festiwow” หนุนคุณค่าสูงวัยหัวใจสตรอง

ทม.บึงยี่โถจัดใหญ่ “ลุงป้า ปู่ย่า หลานม่า The Festiwow” หนุนคุณค่าสูงวัยหัวใจสตรอง

“ลุงป้า ปู่ย่า หลานม่า The Festiwow”ภายใต้โครงการบูรณาก…

schedule
บรรเทาวิกฤต “ขยะมูลฝอย” บทบาทสำคัญของท้องถิ่น

บรรเทาวิกฤต “ขยะมูลฝอย” บทบาทสำคัญของท้องถิ่น

ปี 66 ปริมาณขยะมูลฝอยในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ …

schedule

นิตยสารผู้นำท้องถิ่นออนไลน์ รวมข่าวสารอัพเดทของคนท้องถิ่น

ติดต่อเรา

อีเมล : [email protected]