คณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่นและการบริหารรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงจุดยืน เสนอให้ทบทวนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หวั่นขัดแย้งรุนแรง เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเป็นอิสระ
นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกระจายอำนาจ การปกครองท้องถิ่น และการบริหารรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการฯ ร่วมกันแถลงจุดยืนขอเสนอให้ทบทวนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่ค้างอยู่ในการพิจาร ณาของสภาฯ วาระ 2 – 3 ออกไป เพราะมีปัญหามาตลอด ตั้งแต่ประเด็นการเปิดโอกาสให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ตั้งคณะกรรมสอบสวนสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น
ล่าสุดยังมีประเด็นให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งหากครบตามเกณฑ์จะทำให้หลุดจากตำแหน่งทันที ปัญหาคือมีการเปิดเผยรายชื่อผู้เข้าชื่อถอดถอนด้วย ซึ่งเป็นข้อถกเถียงกันว่าเปิดเผยได้หรือไม่ ซึ่งของเดิมการลงคะแนนจะเป็นเรื่องลับ ทั้งนี้ หากเปิดเผยอาจประเด็นที่นำมาสู่ความขัดแย้ง เพราะจะรู้หมดว่าใครเข้าชื่อถอดถอนจนเกิดปัญหาความไม่พอใจได้ เราจึงเสนอให้ทบมวนถอนร่างดังกล่าวกลับไปพิจารณาให้รัดกุมรอบคอบมากขึ้น
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะมีการพิจารณาวันที่ 29 – 30 พ.ย.2565 นี้ เราเห็นว่าจะเป็นประโยชน์หากแก้หมวดนี้ เพื่อให้ท้องถิ่นมีอิสระในการกำหนดนโยบายและมีอิสระในการบริหารงาน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลหยิบยกกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูประบบราชการมาพิจารณา ดังนั้นเราเห็นว่าการทำหน้าที่ของสภามีประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก หากยุบสภาพี่น้องประชาชนจะเสียประโยชน์หลายเรื่อง ตนอยากเรียกร้องให้ส.ส. ทำหน้าที่ต่อไปอย่างแข็งขัน เพื่อมีส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายสำคัญให้ประชาชน
นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ถ้าเราผ่านร่างกฎหมายการเข้าชื่อถอดถอนฯ ออกไปโดยไม่ศึกษารายละเอียด จะทำให้เกิดความขัดแย้งเรื่องการแข่งขันในตำแหน่งอย่างรุนแรง อาจถึงขั้นทำร้ายเข่นฆ่ากัน เนื่องจากมีการเปิดเผยรายชื่อซึ่งการถอดถอนเป็นเรื่องการทำลายอำนาจ เป็นความเห็นต่างอย่างรุนแรง เราจึงไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ และอยากให้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปทบทวน ส่วนความเห็นเรื่องยุบสภา ตนเห็นว่าส.ส.ควรใช้เวลาในการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเต็มที่ในการออกพ.ร.บ.ต่างๆ ซึ่งปัญหาสภาล่มทำให้เสียโอกาสในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ที่ค้างอยู่ดังนั้น การยุบสภาโดยใช้เหตุผลทางการเมือง เพื่อสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบจึงไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ แต่ควรใช้อายุสภาที่เหลือยู่ทำหน้าที่ออกกฎหมาย และแก้กฎหมายที่ล้าสมัย เพื่อก่อให้เกิดโอกาสรายได้ความมั่นคงแก่ประชาชน