ส.ส.อนาคตใหม่ เปิดช่องโหว่งบท้องถิ่นปี 63 “อปท.ถูกโกง 3 เด้ง” ชี้เป็นรัฐแบบรวมศูนย์ ไม่กระจายอำนาจจริง ยกแผนญี่ปุ่นให้อิสระท้องถิ่นจัดการงบเอง
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ เป็นตัวแทนพรรคฝ่ายค้านอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยเปิดประเด็นว่าประเทศไทยมี 5 โจทย์หลักที่ต้องได้รับการแก้ไข พร้อมยก 8 เหตุผลที่พรรคอนาคตใหม่จะไม่รับร่างฯ และ 4 ข้อเสนอที่เป็นทางออกสำหรับการใช้ร่างงบประมาณดังกล่าว
ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับท้องถิ่นนั้น ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ได้กล่าวถึงอยู่ในเหตุผลข้อที่ 2 รัฐ ราชการรวมศูนย์ และการกระจายอำนาจที่ถอยหลังลงคลอง ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้แจกแจงการได้มาของงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยมองว่าไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542
“งบที่ อปท. ได้เหมือนกับโดนโกงถึง 3 เด้ง”
เด้งที่ 1 เป้าหมายที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ นั้น คือกำหนดให้รัฐต้องโอนรายได้ให้ท้องถิ่น ในสัดส่วน 35% ของรายได้สุทธิของรัฐบาล แต่นับจากปี 2554 จนถึงวันนี้ยังอยู่ที่ตัวเลขประมาณ 30%
เด้งที่ 2 เรื่องของงบผ่าน โดยที่ อปท. ไม่ได้มีอำนาจในการคิดโครงการใดๆ เป็นเพียงสถานที่ให้รัฐส่งผ่านงบประมาณไปเท่านั้น ได้แก่ เบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยคนพิการ อาหารกลางวันเด็ก ค่าตอบแทน อสม. นมโรงเรียน เหล่านี้รวมเป็นเม็ดเงินถึง 1.3 แสนล้านบาท ถ้าหักส่วนงบผ่านเหล่านี้ออกไป ส่วนที่ อปท. ได้รับจริงๆ จะเหลือเพียง 24.7% เท่านั้น
เด้งที่ 3 เรื่องการประมาณการรายได้ของ อปท. ซึ่งมีที่มารายได้มาจาก 3 ก้อน ได้แก่ รายได้ที่ท้องถิ่นจัดเก็บได้เอง รายได้ที่รัฐแบ่งให้ และส่วนที่เป็นเงินอุดหนุน ที่ผ่านมาพลาดเป้ามาโดยตลอด หายไปปีละประมาณ 50,000 ล้านบาท
“ในส่วนของงบปี 2563 ไม่มีโอกาสที่ อปท.จะเก็บได้เพิ่มขึ้น โดยดูจากรายได้ปี 2562 ที่ อปท. เก็บเองอยู่ที่ประมาณ 7.1 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลประมาณการว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 แสนล้านบาท อีก 4 หมื่นล้านมาจากไหน เก็บจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เก็บต่ำเตี้ยเรี่ยดินนั้นเป็นไปไม่ได้ กระทรวงการคลังออกมาบอกแล้วว่า ประมาณการนั้นจะอยู่แค่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เท่ากับว่า อปท. มีรายได้จริงไม่ถึง 22% ซึ่งตกเกณฑ์ พรบ. ขั้นต่ำด้วยซ้ำ” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
นอกจากนี้ ยังชี้ว่า รัฐบาลในยุค คสช. ดึงงบกลับมาส่วนภูมิภาคมากเกินไป เปรียบเป็นการแตกกิ่งก้านของรัฐส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค แทนที่จะจัดตรงให้ อปท. กลับมาเก็บไว้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด งบส่วนนี้เติบโต 1.5 เท่า ถ้ารัฐบาลจริงใจต่อการกระจายอำนาจ จะไม่ดึงงบกลับมาที่ส่วนภูมิภาคแบบนี้
ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 28 พรรคอนาคตใหม่ ได้อภิปรายแจกแจงรายละเอียดของความเหลื่อมล้ำในการจ่ายงบจัดสรรไปยัง อปท. ในแต่ละจังหวัด โดยกล่าวว่าเป็นการจัดสรรงบที่กระจุกตัวแค่บางจังหวัด ให้คำนิยามว่า “ยิ่งรวยยิ่งกระจุก ยิ่งจนยิ่งกระจาย” โดยเทียบรายได้ต่อเดือนเฉลี่ยต่อครอบครัว กับเงินอุดหนุนเฉลี่ยต่อประชากรใน อบจ. แต่ละจังหวัด ผลคือ มีหลายจังหวัดที่ได้รับเงินอุดหนุนอย่างไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดที่มีรายได้สูงอยู่แล้วแต่กลับได้เงินอุดหนุนสูงหรือเท่าค่าเฉลี่ยอีก เช่น ภูเก็ต นนทบุรี หรือที่มีรายได้ต่ำแต่กลับได้รับเงินอุดหนุนเท่ากับหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เช่น เชียงราย บุรีรัมย์
โดยเปรียบเทียบการจัดสรรงบประมาณของประเทศญี่ปุ่นว่า วิธีคิดคำนวณของญี่ปุ่นต่างจากไทย คือให้งบอุดหนุนลงไปก่อน ดูว่าแต่ละจังหวัดมีความต้องการใช้งบประมาณทั้งหมดเท่าไหร่ โดยดูจากงบประมาณต่อหัวที่จะต้องใช้ในการให้บริการสาธารณะ เช่น บริการสาธารณสุข การแพทย์ การศึกษา ฯลฯ ต่อหนึ่งหัวประชากร คูณด้วยจำนวนประชากรในจังหวัดหรือพื้นที่นั้นๆ เป็นงบประมาณทั้งหมดที่ต้องใช้ หักออกจากที่จังหวัดจัดเก็บได้เอง และหักออกจากที่รัฐบาลให้งบอุดหนุนลงไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็จะคงเหลือเป็นก้อนที่จะต้องจัดสรรเพิ่มให้ จริงๆ แล้วรายได้ที่จัดเก็บได้เองของญี่ปุ่นและไทยไม่ต่างกัน คือเมืองใหญ่จัดเก็บได้มากกว่า ขณะที่เมืองไทย รัฐจะเน้นจัดเงินอุดหนุนมาก ซึ่ง อปท. ได้เงินไปก็ไม่มีอำนาจในการใช้จ่ายอย่างอิสระ เพราะงบอุดหนุนต้องทำตามเงื่อนไขที่รัฐบาลกลางกำหนด ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ตามแผนการจัดทำงบประมาณ
พร้อมส่งข้อเสนอในการบริหารจัดการ อปท. เพื่อจัดการกับรัฐรวมศูนย์ เน้นย้ำว่าต้องเชื่อในศักยภาพของท้องถิ่น และกล้ามอบอำนาจให้ อปท. บริหารจัดการงบ โดยโยกงบดำเนินงานที่ไม่เกิดประโยชน์ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ส่งตรงไปที่ อบต. เทศบาลซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้กับประชาชนมากที่สุด จะเป็นในรูปแบบงบอุดหนุน หรืองบจัดสรรก็ได้
“ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ 3 ข้อ โดยเงินที่ให้ไปต้องเป็นเงินที่ไม่มีเงื่อนไข มีอิสราระในการบริหารจัดการเอง และถ่วงน้ำหนักความเหลื่อมล้ำ จัดสรรตามจำนวนประชาการในจังหวัดนั้นๆ พร้อมเสนอให้มีการรวมฐานข้อมูลด้านงบประมาณของ อปท. ทั่วประเทศไว้ด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนสะดวกต่อการเข้าถึงข้อมูล และแสดงความจริงใจต่อการทำงานของรัฐบาล” ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ กล่าว
ด้าน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ฝ่ายค้านกล่าวถึงงบประมาณท้องถิ่น ว่าในส่วนข้อเสนอที่สร้างสรรค์ตนก็จะรับไปพิจารณา ข้อเสนอเกี่ยวกับงบประมาณท้องถิ่นหลายเรื่องก็เป็นข้อเสนอที่ดี โดยย้ำว่า งบประมาณท้องถิ่นที่มีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณในส่วนบุคลากร
คงต้องรอดูกันต่อไปว่า ร่างฯ ฉบับนี้จะออกมาในทิศทางใด จะมีส่วนแก้ไขตามข้อเสนอของฝ่ายค้านหรือไม่ และจะนำท้องถิ่นไปสู่การการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบได้อย่างไร ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งผ่านการประกาศใช้มากกว่า 20 ปี