สภาวิชาชีพวิศวกร แนะ “มหาดไทย” เร่งประกาศใช้กฎกระทรวงฯ เพิ่มชื่อจังหวัดเฝ้าระวังแผ่นดินไหวจาก 22 เป็น 43 จว. เพื่อรองรับการใช้กฎหมายการออกแบบอาคาร
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ณ ห้องประชุมสำนักงานสภาวิศวกร นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสภาวิศวกร รศ.เอนก ศิริพานิช ประธานวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และนายกิตติพงษ์ วีระโพธิ์ประสิทธิ์ กรรมการสภาวิศวกร ในฐานะตัวแทนจากสภาวิศวกร ได้เปิดแถลงข่าวกรณีที่เกิดแผ่นดินไหวใน แขวงไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 2 ครั้ง ขนาด 5.9 และ 6.4 แผ่นดินไหวครั้งนี้มีผลกระทบต่อประเทศไทยในหลายจังหวัด ภาคเหนือ ได้แก่ น่าน พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง อุตรดิตถ์ ลำพูน แพร่ พิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เลย ขอนแก่น รวมถึงตึกสูงในกรุงเทพและปริมณฑล โดยเฉพาะจังหวัดน่านที่มีบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายบางส่วน
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวถึงกรณีการเกิดแผ่นดังไหวดังกล่าวว่า เดิมกระทรวงมหาดไทย มีกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนักความต้านทาน ความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2550 ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมืองกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวไว้ 22 จังหวัด ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยกำลังอยู่ในระหว่างร่างฯ กฎกระทรวงใหม่ เพื่อเพิ่มเติมเป็น 43 จังหวัด ซึ่งตนอยากเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยเห็นถึงความจำเป็นในการเร่งเพิ่มจังหวัด ที่จะบังคับใช้กฎหมายสำหรับการออกแบบอาคารในด้านวิศวกรรมโครงสร้าง เพื่อรองรับการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวให้ครอบคลุมทุกจังหวัดที่มีความเสี่ยง เพราะอาจมีอันตรายถึงชีวิต
“ขอความอนุเคราะห์จากกระทรวงมหาดไทย รีบออกกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ เพื่อกันไว้ดีกว่าแก้ เนื่องจากกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ จะเป็นตัวกำหนดอาคารทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณที่มีความเสี่ยง 43 จังหวัด ที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยในเรื่องของความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว เสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นเพื่อรองรับความเสียหายที่อาจเกิดจากแผ่นดินไหว” เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าว
รศ.เอนก ศิริพานิช ประธานวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่ถือว่าร้ายแรงกว่าครั้งที่ผ่านมา ไม่มีอันตรายต่ออาคารในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เนื่องจากศูนย์กลางไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ สาเหตุที่คนตื่นตัวกันมากขึ้นเนื่องจากรับรู้ข่าวสารกันได้ไวผ่านช่องทางต่างๆ และมีการสื่อสารหลังจากเกิดเหตุการณ์ได้พร้อมๆ กันเป็นวงกว้าง พร้อมกับแนะนำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคาร ส่งข้อมูลวัน เวลา สถานที่ ชื่ออาคาร และชั้นที่อยู่อาศัย ในช่วงที่รับรู้ความสั่นไหวเข้ามาในเว็บไซต์ของสภาวิศวกร www.coe.or.th หรือสายด่วน 1303 เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาข้อมูลต่อไป
สำหรับ 22 จังหวัดที่กรมโยธาธิการและผังเมืองกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว แบ่งเป็น 2 กลุ่มบริเวณ ได้แก่ “บริเวณ เฝ้าระวัง” เป็นพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวตามแนวรอยเลื่อนระนองและคลองมะ รุ่ยในภาคใต้มี 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ชุมพร พังงา ภูเก็ต ระนอง สงขลา และสุราษฎร์ธานี
”บริเวณที่ 1″ เป็นพื้นที่ดินอ่อนมาก จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวระยะไกลมี 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
”บริเวณที่ 2″ เป็นพื้นที่อยู่ใกล้รอยเลื่อนในภาคเหนือและด้านตะวันตกมี 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน และกาญจนบุรี