ความคืบหน้าในคดีจ้างวานฆ่า นายสุชาติ โคตรทุม อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ขอนแก่น ถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าบ้านพัก เมื่อปี 2556 โดยมีนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทยเป็นจำเลยในคดีนั้น
วันนี้ (29 มิถุนายน 2563) ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 386/2563 ระหว่างฝ่ายโจทก์และโจทก์ร่วมคือ พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นและ นางลำดวน โคตรทุม และจำเลยคือ นายวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย ฐานก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดยศาลอุทธรณ์ได้ยืนตามคำพิพากของศาลชั้นต้น ให้ประหารชีวิตนายนวัธ และให้ชดใช้ค่าปลงศพ 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 นายสุชาติ โคตรทุม อดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น ถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 198/45 หมู่บ้านจอมพล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้ทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย ด.ต.วีระศักดิ์ ชำนาญผล จำเลยที่ 1, พ.ต.ท.สมจิตร แก้วพรม รอง ผกก.(ป.) สภ.หนองเรือ จำเลยที่ 2, นายประพันธ์ ศรีพิลัย จำเลยที่ 3, นายบุญช่วย จูงกลาง จำเลยที่ 4 และนายปิยะพงษ์ มีกำบัง จำเลยที่ 5 ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพ.ร.บ.อาวุธปืน ต่อมาศาลจังหวัดขอนแก่น ได้ออกหมายจับ นายนวัธ เตาะเจริญสุข ในข้อหากระทำความผิดฐานจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2561
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2557 ศาลชั้นต้นของศาลจังหวัดขอนแก่นได้อ่านคำพิพากษาคดีจำเลยทั้ง 5 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยศาลพิพากษาให้ พ.ต.ท.สมจิตร แก้วพรม จำเลยที่ 2 และนายประพันธ์ ศรีวิลัย จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยมิได้ไตร่ตรองไว้ก่อน ด้วยเหตุแห่งพฤติกรรมมีการลงไปพูดคุยและผลักผู้ตายเข้าไปในรถ รวมทั้งการจอดรถที่ขวางผู้ตายมิใช่ลักษณะเตรียมพร้อมจะหลบหนี จึงไม่น่าจะเป็นการตั้งใจ เพราะถ้าเช่นนั้นต้องมีการลงมือทันที แต่ยังมีการพูดคุย มีการทำร้ายร่างกายก่อนลงมือยิง
ดังนั้นจึงพิพากษาจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ให้จำคุกตลอดชีวิต ขณะที่จำเลยที่ 3 ให้การเป็นประโยชน์ บรรเทาโทษให้ 1 ใน 4 รวมกับความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน คงให้จำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิตสถานเดียว ส่วนจำเลยที่ 3 รวมโทษจำคุก 37 ปี 14 เดือน 30 วัน ส่วนจำเลยที่ 1 , 4 และ 5 ให้การปฏิเสธตลอดว่าไม่เกี่ยวข้อง และพยานหลักฐานไม่สามารถนำสืบได้ว่า รู้มาก่อนว่าจำเลยที่ 2 และ 3 จะมาฆ่าผู้ตาย จึงให้ยกฟ้อง โดยให้ขังระหว่างอุทธรณ์
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายนวัธ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (6) นับแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง คือ วันที่ 16 ตุลาคม 2562
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำพิพากษายืนโทษประหารชีวิตตามศาลชั้นต้น นายนวัธ ได้เตรียมให้ทนายความยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อดำเนินตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป