จากกรณีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. …. ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 64 ที่มี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานในการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. …. นั้น
นายบรรณ แก้วฉ่ำ นักวิชาการด้านกฎหมายท้องถิ่นและการกระจายอำนาจฯ ได้โพสต์เฟซบุ๊กตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นดังกล่าวว่า
ร่างกฎหมายเพิ่มอำนาจ นายอำเภอ/ผู้ว่า ในการสอบสวนนายก อปท.และสมาชิกสภา อปท.ที่มีผู้แอบฝากปนเข้ามากับ ร่างกฎหมายการมีส่วนร่วมของประชาชน
******
…..ภารกิจในวันนี้ ประชุมคณะกรรมาธิการ พิจารณาร่าง พรบ.การเข้าชื่อถอดถอน
…..ร่าง พรบ.ฉบับนี้ เป็นกฎหมายส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เป็นประชาธิปไตยทางตรง (Direct Democracy) หรือที่เรียกกันว่า ประชาธิปไตยบริสุทธิ์ (Pure Democracy) ของประชาชนในท้องถิ่นที่จะเข้าชื่อถอดถอน สมาชิกหรือผู้บริหารท้องถิ่น
…..แต่ในร่าง พรบ.นี้ สำนักงานกฤษฎีกา กลับไปเขียนเพิ่มเรื่องอำนาจ “กำกับดูแล” ยกให้นายอำเภอผู้ว่า เข้ามามีบทบาทในการสอบสวนและถอดถอนสมาชิก และผู้บริหารท้องถิ่นด้วย…ซึ่งเป็นคนละเรื่องโดยแท้
…..เรื่องการทำหน้าที่กำกับดูแล..ไม่ได้เกี่ยวกับ การมีส่วนร่วมของประชาชน…และรูปแบบของกฎหมายจะต้องไปกล่าวไว้ในกฎหมายจัดตั้ง (ซึ่งปัจจุบันก็ให้ผู้กำกับดูแลมีอำนาจล้นฟ้าอยู่แล้ว) …กลายเป็นกฎหมาย 2 เรื่อง คนละหลักการมาเขียนร่วมไว้ในเล่มเดียวกัน
…..นอกจากนั้น ก็ยังไม่มีฐานอำนาจที่จะออกกฎหมายในส่วนเรื่องการกำกับดูดังกล่าวด้วย..เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 254 บอกแต่เพียงให้ออกกฎหมายเรื่อง #การเข้าชื่อถอดถอน..ไม่ได้ให้อำนาจออกกฎหมายว่าด้วย #การเข้าชื่อให้ผู้กำกับดูแลสอบสวน
…..ปล่อยผ่านไปไม่ได้…ผมเสนอให้ถอดเรื่อง อำนาจสอบสวนออกจากร่างกฎหมายฉบับนี้..ทุกมาตรา..ซึ่ง มาตราคงจะหายไปเกินครึ่ง
…..ทีแรกก็นึกว่ายกร่างมาจากกรมส่งเสริมฯ แต่ตรวจสอบแล้ว..เจ้าหน้าที่กฤษฎีกาเพิ่มเติมเอาเอง..ไม่รู้ว่ามีใครไปเข้าฝันให้เขียนบทบัญญัติดังกล่าว
…..บทบัญญัติที่กำหนดให้เข้าชื่อส่งให้ นายอำเภอ/ผู้ว่า สอบสวนและถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น…ถ้าผมในฐานะกรรมาธิการปล่อยให้ผ่านไป ทั้ง นายก อบจ.นายกเทศมนตรี นายก อบต.และสมาชิกสภาท้องถิ่น จะเดือดร้อนกันทั้งประเทศ…ต่อไปเข้าพบนายอำเภอ พบผู้ว่า คงแทบจะต้องหมอบคลานเข้าไปหาแล้วครับ
…..ผลที่กระทบประชาชนคือ ประชาชนจะไม่ได้รับการดูแล.ตัวบทกฎหมายออกแบบให้ ผู้บริหาร อปท.ต้องใส่ใจความต้องการของ นายอำเภอผู้ว่า มากกว่าความต้องการของประชาชน