ศาลฎีกาพิพากษาคุก 1 เดือน ปรับ 4 พัน เว้นวรรคการเมือง 5 ปี รองนายกอบต.ท่าเกวียน จ.สระแก้ว หลัง ป.ป.ช.ร้องจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2562 เว็บไซต์ราชกิจจาเผยแพร่ประกาศคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม. 291/2561 และคดีหมายเลขแดงที่ อม. 82/3562 ลงวันที่ 18 เมษายน 2562 ระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง และนายสุพจน์ ท้าวมะตรี ผู้ถูกกล่าวหา เรื่องการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดย ป.ป.ช.ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่ง หรือพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเกวียน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าได้มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา และลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 , 167 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
นายสุพจน์ ท้าวมะตรี ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเกวียน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 และพ้นจากการดำรงตำแหน่งโดยลาออกเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2558 โดยให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา
สำหรับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับฟ้องตามมาตรา 77 ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ต้องคำ พิพากษานั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปีด้วยหรือไม่ก็ได้
ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่ากรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ
ขณะที่มาตรา 167 บัญญัติไว้ว่า ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือหนี้สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน… ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ซึ่งศาลพิจารณาว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 และมาตรา 167 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทําความผิดและมีผลให้ใช้บังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 บังคับแก่คดีนี้ เพราะหากบังคับใช้ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังกระทําความผิด ย่อมเป็นการขัดต่อหลักนิติธรรม
โดยสรุปคำพิพากษาว่า นายสุพจน์ ท้าวมะตรี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 2 มีนาคม 2558 และความผิดตามมาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ทั้งนี้ นายสุพจน์ ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกหนึ่งเดือน และปรับ 4,000 บาท แต่เนื่องจากไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนจึงให้รอลงอาญา 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 , 30 ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก