“มีการยื่นของบมาทั้งสิ้น 3.8 หมื่นล้านบาท แต่เคาะอนุมัติให้ 6,800 ล้านบาท ที่เหลือจะนำมาส่งเสริมโครงการขยะชุมชนทางกระทรวงมหาดไทยที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว งบส่วนนี้จะเข้าไปทำให้ครบวงจรและเกิดขึ้นได้จริง คงจะต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้ง โดยจะมีการส่งเสริมให้เกิดการนำขยะมาเป็นเชื้อเพลิงในรูปแบบต่างๆ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นรูปแบบไฟฟ้าอย่างเดียว ส่วนนี้ที่มีการจัดสรรเงินให้ก็เป็นไปตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่กำหนดให้การกำจัดขยะชุมชนเป็นวาระเร่งด่วน” นายศิริกล่าว

       อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่าโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนหลอดไฟ เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศเพื่อการประหยัดพลังงานซึ่งเป็นโครงการสาธิต ได้มีการปลดให้เป็นงบการดำเนินงานปกติไปแล้วจึงควรจำเป็นต้องตัดออก ส่วนโครงการบางส่วนที่อยู่ในกรอบของงบประมาณย่อยแต่วงเงินที่ขอมาเกินแต่เป็นโครงการที่ดีและเป็นประโยชน์ รวมถึงโครงการที่เป็นนโยบายรัฐ ส่วนนี้ก็สามารถเสนอเข้ามาของบเพิ่มเติมได้ในปีงบประมาณ 2563

       “โครงการบางส่วนเองก็เห็นว่าดี อย่างการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการขุดเจาะบ่อบาดาล พบว่าเป็นโครงการที่ดีเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร แต่บางส่วนทำไม่ทันและหลายโครงการที่ดีอาจจะพลาดไปในแง่ของเอกสารอะไร ก็ขอให้ไปปรับปรุงเพื่อที่จะนำมาเสนองบประมาณปี 2563 ที่จะจัดสรรวงเงินสนับสนุนต่อไป” นายศิริกล่าว

      นายศิริยังกล่าวถึงการช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ล่าสุดว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อ 14 ก.พ.ได้ลงนามกับผู้จำหน่าย CPO จำนวน 22 ราย รวมที่ กฟผ.รับซื้อไปแล้ว 100,100 ตันและจะเร่งให้ครบตามเป้าหมายที่ 160,000 ตันในการนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง หน่วยที่ 3 ขณะเดียวกัน การจำหน่ายบี 20 นำร่องในปั๊มน้ำมัน ปตท.และบางจาก 10 แห่งล่าสุดบริษัท เชลล์ ได้มาหารือที่พร้อมจะนำบี 20 ไปจำหน่ายเพิ่มขึ้นซึ่งทั้งหมดจะช่วยดูดซับ CPO และทำให้ราคาปาล์มขยับตัวสูงในระดับเกิน 3 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)