“บรรณ แก้วฉ่ำ” เผยข้อเสนอส่งถึงนายกรัฐมนตรี ลุยเลือกตั้งสนาม กทม.-อบจ. ก่อนตามด้วย เทศบาล-อบต.ขออย่าทิ้งช่วงนาน ย้ำทุกอปท.พร้อมเลือกตั้งเพราะเตรียมตัวนาน 8 ปีแล้ว

  วันที่ 25 มิถุนายน 2563 นายบรรณ แก้วฉ่ำ นักวิชาการด้านกฎหมายการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว “บรรณ แก้วฉ่ำ” หลังร่วมประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาและจัดทำข้อเสนอเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ครั้งที่ 20/2563 ซึ่งเป็นการประชุมทางไกลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในประเด็นพิจารณาเกี่ยวกับ “การเลือกตั้งท้องถิ่น” ระบุข้อความว่า 

  “สรุป ผลการประชุม รับฟังความเห็นไปนำเสนอ พลเอกประยุทธ์ ว่าควรจัดเลือกตั้ง อปท.ประเภทใดก่อน หลัง และผลกระทบต่อความมั่นคง..ต่อการเมืองระดับชาติ

  ผมนำเสนอว่าการจัดเลือกตั้งท้องถิ่น นั้น ต้องแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม คือ

  - กทม.กับ อบจ. นี่จัดพร้อมกันได้

  ประเด็นว่าควรเลือกตั้งประเภทใดก่อนนั้น เลขาที่ประชุมได้ถามความเห็นในหลายมุมมอง ดังนี้

  ๑. มุมมองด้านความพร้อม ผมยืนยันว่า ทุกประเภทพร้อมจัดเลือกตั้ง ประกาศวันนี้ก็จัดได้ทันที..ผมเทียบให้เห็นในกรณีหมดวาระตามปกติ ซึ่งมีเวลาเพียง ๔๕ วัน กกต.ก็ทำความพร้อมได้ทัน แต่นี้เตรียมกันมาตั้ง ๘ ปีแล้ว

  ๒. มีอุปสรรคเรื่องงบประมาณหรือไม่ และจะต้องรองบประมาณ ปี ๖๔ หรือไม่ …ผมยืนยันว่า แม้ไม่ต้องใช้งบปี ๖๔ ก็พร้อมจัดการเลือกตั้งได้ คือสามารถใช้งบประมาณปี ๖๓ จัดได้ทันที

  ๓. ฝ่ายเลขา ถามถึง มุมมองเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน ต่อประชาชน โดยยกตัวอย่างกรณีโควิด เลือกประเภทใดก่อนจึงจะรองรับการแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ผมเสนอความเห็นว่า ระดับที่ใกล้ชิดต่อประชาชน คือ อบต.กับเทศบาล จำเป็นเร่งด่วนยิ่งกว่า อบจ.โดยจะทำให้ประชาชนยอมรับในตัวผู้บริหารและสมาชิก ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้ง มีแนวโน้มที่จะให้ความร่วมมือกับการขับเคลื่อนการแก้ปัญหา

  แต่ กรณี อบต.กับเทศบาล ไม่จำเป็นต้องเลือกพร้อมกันทั่วประเทศในคราวเดียวกันก็ได้

  ๔. ฝ่ายเลขาถาม ในมุมเกี่ยวกับการบริหารจัดการเลือกตั้งให้ราบรื่น และความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ผมยืนยันว่าในเชิงบริหารจัดการเลือกตั้ง ให้ง่าย นั้น อบจ.กับ กทม.ควรจัดนำร่องก่อน …แม้ต้องมีการแบ่งเขตเลือกตั้ง ก็ทำได้ทันแน่นอน

  ๕. มุมมองในด้านการแบ่งฝักฝ่ายการเมืองในระดับพื้นที่จังหวัด ถ้าจัดเลือกตั้ง อบจ.ก่อน ทำให้การจับขั้วทางการเมืองชัด การจัดเลือกตั้งในระดับเทศบาล และ อบต.ที่กระทำภายหลัง ย่อมมีผู้สมัครรับเลือกตั้ง อิงอยู่กับขั้วการเมืองของฝ่ายที่ชนะเลือกตั้งในระดับ อบจ.แต่ ผู้แทนที่ได้มา ก็เกิดผลดีในการ บูรณาการทำงานร่วมกันระหว่าง อบจ.กับ อปท.อื่นในเขตจังหวัด

  สำหรับการเมืองระดับชาติ ครั้งนี้ชัดเจนว่า การเลือกตั้ง อบจ.จะมีผู้สมัครในนามพรรคการเมืองมากกว่าการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งที่ผ่านมา และเมื่อมีการแข่งขันการหาเสียง ก็จะต้องพาดพิงถึงนโยบายรัฐบาล แน่นอน กระทบต่อระดับชาติแน่นอน..แต่การไม่รีบเลือกจะกระทบมากกว่า

  โดยเฉพาะการเปิดเวทีในระดับท้องถิ่นให้กับประชาชน จะทำให้เป้าโจมตีที่พุ่งไปยังรัฐบาล ถูกเบี่ยงมาที่เวทีท้องถิ่นแทน..กลับจะเป็นผลดีให้กับเสถียรภาพของรัฐบาลเสียยิ่งกว่า… ปัญหาหลายๆ เรื่องที่ประชาชนไปเรียกร้องหน้าทำเนียบ เขาจะมาที่หน้าสำนักงาน อปท.แทน

  เลขาถามความเห็นโดยภาพรวมและข้อสรุป ..ผมเห็นควรเลือก อบจ.กับ กทม.ก่อน และไม่ต้องเว้นวรรคในการ จัดเลือกตั้ง อบต.เทศบาลนาน..สามารถจัดต่อเนื่องได้ทันที เพราะ อปท.เป็นผู้ทำงานเลือกตั้งเอง ไม่ใช่ กกต.

  สำหรับ การจัดพร้อมกับทั้งระดับบนและล่าง คือ เลือกระดับ อบจ.พร้อมกับ อบตหรือเทศบาล โดยใช้วันเวลาพร้อมกัน ที่เลือกตั้ง กรรมการประจำหน่วยเดียวกัน ซึ่ง ประหยัดงบประมาณอย่างยิ่ง (แต่อาจเกิดความสับสน)นั้น มีความเป็นได้ ควรให้ กกต.ไปศึกษาอีกแนวหนึ่งด้วย

  สุดท้ายผมยืนยันว่า การไม่จัดการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยเว้นช่วงมาหลายปีนั้น เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่เขาจะใช้สิทธิเลือกผู้นำท้องถิ่นของเขา โดยการพิจารณาจัดการเลือกตั้ง ในเวลานี้ จะต้องคำนึงถึงประชาชน ไม่ใช่คำนึงถึงความพร้อมในการสรรหาผู้สมัครของพรรครัฐบาลมาลงสมัครในการเลือกตั้งท้องถิ่น”