ครม.อนุมัติ 3 โครงการใช้เงินกู้จ้างงานท้องถิ่น เทกว่า 1 พันล้านจ้างงานอาสามัครบริบาลท้องถิ่น 1 ปี หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากจากพิษโควิด-19
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมาว่า ครม. เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในการประชุมครั้งที่ 11/2563 จำนวน 3 โครงการ ด้วยวงเงิน 4,029.15 ล้านบาท จ้างงาน 39,195 คน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังนี้
โครงการอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย วงเงินไม่เกิน 1,080.59 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้ปฏิบัติงานเป็นอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น เป็นระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องได้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อให้มีความรู้และทักษะปฏิบัติในการดูแลผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองในหมู่บ้านหรือชุมชนได้ เป็นกระจายรายได้ให้ประชาชน โดยผู้เข้าร่วมโครงการ จะมีคุณสมบัติในการประกอบอาชีพนักบริบาลในสถานประกอบการและนักบริบาลอิสระเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐในการดูแลรักษา
โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2563 – กันยายน 2564 มุ่งหวังเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 932.88 ล้านบาท เพิ่มการจ้างงานให้แก่ประชาชน และเกิดนักบริบาลที่เป็นอาชีพใหม่ในท้องถิ่น จำนวน 15,548 คน
ทั้งนี้ ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ มท 0819.2/ว 6290 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2562 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราค่าตอบแทนและการจ่ายค่าตอบแทนของอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้ดังนี้
อาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแผนการดูแลรายบุคคล (Care Plan) ไม่น้อยกว่าวันละ 8 ชั่วโมง และไม่น้อยกว่าเดือนละ 20 วัน จะได้รับเงินค่าตอบแทนตามอัตรา ดังนี้ 1. อาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุขั้นกลาง จำนวน 70 ชั่วโมง จะได้รับเงินค่าตอบแทนเดือนละ 5,000 บาท 2. อาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุขั้นกลาง จำนวน 70ชั่วโมง และผ่านการอบรมหลักสูตรฝึกอบรมเพิ่มเติมนักบริบาลท้องถิ่น จำนวน 50 ชั่วโมง ของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หรือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จัดให้มีการอบรม โดยได้รับอนุมัติให้ใช้หลักสูตรจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จะได้รับเงินค่าตอบแทนเดือนละ 6,000 บาท
สำหรับอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นคนใดได้ปฏิบัติหน้าที่ ตามแผนการดูแลรายบุคคล น้อยกว่า 20 วัน ให้มีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนตามสัดส่วนจำนวนวันที่ปฏิบัติงานในเดือนนั้น 3. อาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นคนใดได้ปฏิบัติหน้าที่ตามแผนการดูแลรายบุคคล ไม่ครบ 8 ชั่วโมง แต่ไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง ให้นับเป็นครึ่งวัน
อีก 2 โครงการที่ ครม.อนุมัติเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ คือ โครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ ของกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย วงเงินไม่เกิน 2,701.87 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานในทุกตำบล ตำบลละ 2 คน ทั่วประเทศ จำนวน 14,510 คน เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 2,701.87 ล้านบาท กระจายลงพื้นที่ รวมถึงเป็นฐานข้อมูลแบบบูรณาการ (Data Base) ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการวางแผนพัฒนาพื้นที่ในทุกระดับ เช่น แผนพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน แผนพัฒนาตำบล เป็นต้น พร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการพัฒนาพื้นที่ มีระยะเวลาดำเนินโครงการ ระหว่างเดือน สิงหาคม 2563 – กันยายน 2564
มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มการจ้างงานตำบลละ 2 คน ใน 7,255 ตำบลทั่วประเทศ รวม 14,540 คน อัตราค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท ระยะเวลาจ้าง 12 เดือน คิดเป็นมูลค่า 2,611.8 ล้านบาท
และโครงการเฝ้าระวังสร้างแนวกันไฟ สร้างรายได้ชุมชน ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วงเงินไม่เกิน 246.69 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ จำนวน 9,137 คน โดยได้รับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามมาตรฐานกรมบัฐชีกลาง 300 บาทต่อวัน เฉลี่ย 30 วันต่อเดือนต่อคน มีระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2563 – พฤษภาคม 2564 มุ่งหวังให้เกิดการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน รวม 246.69 ล้านบาท และเพิ่มการจ้างงานให้แก่ประชาชน จำนวน 9,137 คน
โดยทั้ง 3 โครงการจ้างงาน จะทยอยเข้าสู่การพิจารณาของครม. ทั้งนี้จะมีการจัดทำแพลตฟอร์มแรงงาน เพื่อบันทึกข้อมูลการจ้างงานของโครงการต่างๆ ภายใต้พ.ร.ก.เงินกู้ เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนของผู้เข้าร่วมโครงการ