‘เอกพจน์ ปานแย้ม’ หรือที่รู้จักกันในวงการเพลงลูกทุ่ง ‘เอกพจน์ วงศ์นาค’ ศิลปินลูกทุ่งที่ผันตัวเข้ามาสู่ถนนการเมือง และเป็นคนเดียวที่สร้างปรากฏการณ์เหนือความคาดหมาย สวนกระแสคำกล่าวที่ว่า เป็นการเมืองที่ใช้ชื่อเสียงในวงการบันเทิงมาสร้างสีสันโดยสิ้นเชิง

          เพราะเอกพจน์ ผ่านสนามการเมืองมาแล้ว 4 ครั้ง และสอบผ่านทุกครั้ง!

          เอกพจน์ หนุ่มปทุมธานีเสียงหวาน เดินสายร้องเพลงลูกทุ่งในงานต่างๆ ด้วยหน้าตาและน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นศิลปินในค่าย ชัวร์ออดิโอ มีผลงานเพลงชื่อดังมากมาย เช่น แอบฝัน บัวตอง คนชื่อเดือน ซึ่งเพลงที่ได้รับความนิยมและสร้างชื่อให้กับเอกพจน์ คือ เพลง ทหารเกณฑ์คนจน เขากลายเป็นขวัญใจของกลุ่มคนฟังเพลงลูกทุ่ง โดยเฉพาะหนุ่มสาวโรงงาน

          ปลายปี 2539 เอกพจน์ที่กำลังโด่งดังในวัย 27 ปี ได้ลงเล่นการเมืองครั้งแรก ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถึงแม้จะมีชื่อเสียงในฐานะนักร้องลูกทุ่ง แต่ไม่มีใครมองเขาเป็นคู่แข่ง เพราะมาใหม่ และในพื้นที่มีเบอร์ใหญ่อย่าง “ชูชีพ หาญสวัสดิ์” อดีต ส.ส.ปทุมธานีหลายสมัย ที่ย้ายจากพรรคชาติไทย มาสังกัดพรรคความหวังใหม่ ดีกรี รมต.พาณิชย์ และ รมช. หลายกระทรวง ครองพื้นที่มาโดยตลอด

          แต่เอกพจน์กลับหักปากกาเซียน ล้มช้างเมืองปทุมธานีได้สำเร็จ เป็นที่ฮือฮากันทั้งประเทศ  สร้างตำนานนักร้องลูกทุ่งคนแรกที่ได้เป็น ส.ส. ท่ามกลางข้อคิดเห็นของเซียนการเมืองว่า เพราะปทุมธานีเป็นแหล่งโรงงาน มีโรงงานขนาดใหญ่จำนวนมากตั้งอยู่ สาวโรงงานที่ชื่นชอบผลงานเพลงของเอกพจน์ จึงเป็นฐานเสียงหลักที่ทำให้เขาความชัยในครั้งนี้

          เอกพจน์ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาเดินหน้าต่อด้วยการเข้าศึกษาต่อจนจบปริญญาตรี ที่สถาบันราชภัฏเพชรบุรี และศึกษาต่อในระดับปริญญาโทรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

          ในการเลือกตั้งปี 2544 เขายังคงได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.อีกสมัย ต่อมาปี 2548 เอกพจน์ย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทย แม้จะย้ายพรรค เขาก็ยังคงได้รับเลือกตั้งให้เป็น ส.ส.อีกสมัย ต่อเนื่องไปจนถึงการเลือกตั้งในปี 2550

            บ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่า คนปทุมธานี ยอมรับที่ตัว เอกพจน์ มิใช่ชมชอบที่พรรค

            ต่อมาในปี 2551 เมื่อพรรคชาติไทยถูกยุบ เอกพจน์ ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค จึงถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี ประกอบกับป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ต้องหยุดพักรักษาตัว ชื่อของ เอกพจน์จึงหายไปจากการเมืองกว่า 8 ปี

            การหวนคืนสู่การเมืองในครั้งนี้ เอกพจน์ลงมาเล่นในสนามท้องถิ่น ลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง ในชื่อกลุ่ม “เพื่อนเอกพจน์” ต้องขับเคี่ยวกับกระแสความร้อนแรงของทีม “คนรักปทุม” ที่ส่ง “ผู้การป๋อง” พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุพรศรี ลงสนาม

          ทีมคนรักปทุม นำโดย “บิ๊กแจ๊ส” คำรณวิทย์  ธูปกระจ่าง ที่กระแสดีมาตั้งแต่การเลือกตั้งนายก อบจ. ล้ม “ลุงชาญใจดี” ชาญ พวงเพ็ชร์ อดีตนายก อบจ. 3 สมัยด้วยคะแนน 252,499 ต่อ 222,211 ทั้งยังส่งลูกชายลงสนามยึดเทศบาลนครรังสิต จากบ้านใหญ่ “กลิ่นกุสุม” ได้สำเร็จ

          แม้จะห่างหายไปหลายปี แต่ชื่อ เอกพจน์ ยังขายได้ เขาชนะ ผู้การป๋องได้ด้วยคะแนน 15,031 ต่อ 12,427 คว้าชัยนายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวงสำเร็จ แม้จะสนามใหญ่ หรือสนามเล็ก เอกพจน์ก็เอาอยู่ อาจจะเป็นคำตอบได้ว่า เอกพจน์ไม่ได้ชนะการเลือกตั้งเพราะชื่อเสียงการเป็นนักร้อง แต่หากเพราะเขา “มีดี” ในทางการเมืองจริงๆ