ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (7 ม.ค.2562) ที่ผ่านมา มี มติ ครม.ที่มีความน่าสนใจ คือ คณะรัฐมนตรี รับทราบข้อสังเกตจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีพบข้าราชการนำรถส่วนกลางไปใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปตรวจสอบ และเน้นย้ำทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด

       โดย พันเอก อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าที่ประชุมฯ รับทราบข้อสังเกตจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังได้รับเรื่องร้องเรียนมีข้าราชการบางหน่วยงานซึ่งไม่ได้ดำรงตำแหน่งที่ราชการจัดรถประจำตำแหน่งให้ นำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่ง และมีการเบิกค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากราชการ โดย ป.ป.ช.ได้แจ้งให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ดำเนินการตรวจสอบ แต่เนื่องจากตามระเบียบของ สปน.นี้ ไม่ได้รวมถึงรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น

       ป.ป.ช. จึงขอให้คณะรัฐมนตรี แจ้งให้รัฐวิสาหกิจ และส่วนท้องถิ่นทราบว่าหากรัฐวิสาหกิจและส่วนท้องถิ่นกระทำเช่นนั้น จะถือว่าเป็นการทำผิดวินัยร้ายแรง มีบทลงโทษคือการไล่ออก พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังย้ำอยากให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

       โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า มติ ครม.เห็นชอบดำเนินการตามที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่งโดยระบุว่า ถือเป็นความผิดร้ายแรงในการเอารถราชการที่ตัวเองไม่มีสิทธิใช้ไปใช้ส่วนตัว จะต้องถูกลงโทษสถานหนักคือไล่ออก ปลดออก ซึ่งตนได้กำชับไปแล้วและขอเตือนทุกส่วนราชการ

9 มกราคม 2562