คณะก้าวหน้าที่นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองพร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคอีก 15 คน เดินหน้าทำงานทางการเมืองนอกสภา ประกาศจุดยืนมาเพื่อ “เขย่าการเมืองท้องถิ่น” ตามเจตนารมณ์เดิมของพรรคอนาคตใหม่

  คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกลที่แตกหน่อมาจากอดีตพรรคอนาคตใหม่ แสดงจุดยืนบทบาททางการเมืองที่แยกออกเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน ซึ่งพรรคก้าวไกลจะเน้นการทำงานของ ส.ส.ในสภา ด้านคณะก้าวหน้าจะเน้นการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น

  ล่าสุด “คณะก้าวหน้า” เป็นกลุ่มแรกที่เดินหน้าจัดทัพเตรียมผู้สมัครลงชิงชัยในสนามท้องถิ่นอย่างเปิดเผย โดยจัดอบรมผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ไปเมื่อวันที่ 4-5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้สมัครสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะมาถึง มีตัวแทนทีมผู้สมัครทั้งสิ้น 17 อบจ.เข้าร่วมอบรม ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อผู้สมัครและจังหวัดที่เป็นเป้าหมายในครั้งนี้

  เมื่อย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2563 พรรคอนาคตใหม่เคยประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ.แล้วในนามของพรรคจำนวน 15 จังหวัด ในกลุ่มภาคกลาง ได้แก่ จ.นครปฐม นายชัชวาล นันทะสาร, จ.พระนครศรีอยุธยา นายวัสพงษ์ วิทูรเมธา, จ.สิงห์บุรี นายอุดม จำปาสัก, จ.พิษณุโลก นายณชพล พลอาสา และ จ.สระบุรี นายวิฑูลย์ แก้วสุวรรณ ภาคตะวันออก ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา นายยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ และ จ.ระยอง นางสว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จ.มุกดาหาร นายสุพจน์ สุอริยพงษ์, จ.ยโสธร นายรุ่งโรจน์ แก่นแก้ว, จ.ร้อยเอ็ด นายสถาพร ว่องสันธนพงษ์, จ.สกลนคร นายณรงเดช อุฬางกูร, จ.หนองคาย นายกฤศภณ หล้าวงศา, จ.หนองบัวลำภู นายสมเกียรติ เชษฐสุมน และจ.อุบลราชธานี นายเชษฐา ไชยสัตย์ ภาคเหนือ ได้แก่ จ.ตาก นายคริษฐ์ ปานเนียม แต่ยังไม่ปรากฏชื่อตัวแทนในภาคใต้แต่อย่างใด

  ในส่วนของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คณะก้าวหน้ามีเป้าหมายที่จะส่งผู้สมัครลงไปชิงชัยกว่า 4,000 แห่ง จากจำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ 7,852 แห่ง ภายใต้ชื่อเดียวกัน อุดมการณ์เดียวกัน กรอบนโยบายแบบเดียวกัน โดยเน้นย้ำให้เป็นการเมืองท้องถิ่นในรูปแบบที่ไม่ซื้อสิทธิ์ ไม่ใช้เงินซื้อเสียง และไม่ใช้อิทธิพล

  ”สิ่งที่เราต้องการคือทำงานการเมืองโดยไม่ใช้เงิน ไม่ใช้อิทธิพล ไม่ใช้เครือข่ายราชการ เราจะทำงานการเมืองแบบที่อนาคตใหม่เคยทำมาคือ การใช้ความคิดเป็นตัวนำ ความสร้างสรรค์ และนโยบาย” นายธนาธรกล่าว

  หากเปิดประวัติความสำเร็จในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้รับคะแนนเสียงมากเป็นอันดับที่ 3 จำนวน 6,265,950 เสียง จากผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด  38,268,375 คน รองจากอันดับที่ 1 พรรคพลังประชารัฐ 8,433,137 เสียง และพรรคเพื่อไทย 7,920,630 เสียง โดยอนาคตใหม่มีคะแนนนำพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทยอย่างพรรคประชาธิปปัตย์ไปกว่า 2 ล้านเสียง

  แม้จะอดีตพรรคอนาคตใหม่จะชนะการเลือกตั้งไปเพียง 31 เขตจาก 350 เขตทั่วประเทศ แต่ผลรวมจากคะแนนมหาชน (ป๊อปปูลาร์โหวต) ทำให้ได้รับส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ถึง 50 ที่นั่ง รวมได้ที่นั่งในสภาทั้งสิ้น 81 ที่นั่ง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเกิดใหม่ที่ได้คะแนนเสียงจากมหาชนอย่างเกินความคาดหมาย โดยมีฐานเสียงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ก่อนจะถูกตัดสินยุบพรรคจากกรณีเงินกู้ 191 ล้านบาท ผลจากการยุบพรรคทำให้กรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส. ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 11 คน ประกอบกับ ส.ส.จำนวนหนึ่งย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ทำให้ปัจจุบันเหลือส.ส. 55 คน ที่ย้ายไปสังกัดพรรค“ก้าวไกล” ภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคคนใหม่

  เมื่อสัญญาณการเลือกตั้งท้องถิ่นเริ่มมีความชัดเจนขึ้น หลังจากที่รัฐบาลยอมรับมีความพร้อมด้านงบประมาณการจัดเลือกตั้งท้องถิ่นแล้ว โดยอาศัยงบประมาณรายจ่ายปี 2564 มาช่วยในกรณีที่ อปท.ขาดแคลนงบฯ จากการแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าปฏิทินการเลือกตั้งท้องถิ่นสามารถทำได้แบบไร้ปัญหาในเดือนตุลาคม

  คณะก้าวหน้าจึงเหลือเวลาราว 3 เดือน ในการเตรียมผู้สมัครให้ได้ครบทั้ง 4,000 แห่ง ซึ่งขณะนี้ยังดำเนินการรับสมัครตัวแทนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่บุคคลทั่วไปไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล เปิดโอกาสให้คนใหม่ที่ไม่มีฐานอำนาจเดิม ได้สิทธิแข่งขันในพื้นที่ของตน

  กลยุทธ์เดิมที่อดีตพรรคอนาคตใหม่เคยใช้และได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ จึงถูกนำมาใช้อีกครั้งในการลุยสนามเลือกตั้งท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า ด้วยวาทะกรรมใหม่ “การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของประชาชนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง”